ที่มาของหลักสูตร
โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัลครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะสร้างสรรค์เชิงทำลายล้าง (disruptive change) และทำให้พรมแดนระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนจะเลือนลางอย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคดิจิทัลนั้นจะเกิดเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมใหม่ๆ วิถีชีวิตผู้คนจะเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง โลกเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง…
“แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไรในยุคดิจิทัล ?”
"It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent, but rather the one most adaptable to change."
– Charles Darwin –
ชาลส์ ดาร์วิน กล่าวว่า “สายพันธุ์ที่สามารถอยู่รอดได้นั้นมิใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุด หากแต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด และคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า “แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไรในยุคดิจิทัล?” จึงมีความจำเป็นที่สังคมทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันเรียนรู้ถึงสภาพสังคมดิจิทัลในอนาคต ร่วมกัน สร้างวัฒนธรรมและกฎกติกาของสังคมขึ้นใหม่เพื่อสร้างความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
หลักสูตรการบริหารงานตำรวจในยุคดิจิทัล (Police Administration in Digital Age) หรือ PADA Course จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น โดยเน้นการสร้างปัจจัยเกื้อหนุนและขจัดปัจจัยอุปสรรค เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม และสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติให้สามารถแข่งขันกับนานาอารยะประเทศได้ในยุคดิจิทัล
แนวคิดหลักสูตร
การฝึกอบรมในหลักสูตรการบริหารงานตำรวจในยุคดิจิทัลนี้ เป็นการเรียนรู้ร่วมกันของผู้นำสังคมทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักการเมือง สื่อมวลชน ศิลปิน ผู้มีชื่อเสียงในสังคม และผู้นำความคิดของสังคมทั่วไป เพื่อเรียนรู้สาระสำคัญหรือสิ่งที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนสังคมเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างราบรื่น โดยหลักสูตรถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มวิชา
นอกจากนี้ ในบรรยากาศการฝึกอบรม จะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยการสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้อย่างผ่อนคลาย สนุกสนาน เข้าใจง่าย และมีลักษณะเป็น active learning ที่ผู้เรียนและผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์กัน ดังนั้น จึงกำหนดให้ผู้สอนทุกคนเป็นผู้รู้จริงและรู้ลึกในเชิงปฏิบัติด้วย โดยผู้สอนจะมีลักษณะเป็นโค้ช (coach) มากกว่าผู้บรรยาย (lecturer) และมีการจัดการฝึกอบรมในเชิงระบบดังนี้
Input เน้นปัจจัย 3 ประเภทคือ
-
Content เนื้อหาจะต้องเกี่ยวข้องกับตัวผู้เรียนและสังคม เป็นเรื่องที่ผู้เรียนสนใจ เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
-
Context บริบทหรือบรรยายกาศแวดล้อมของการบรรยายต้องสอดคล้องกับยุคดิจิทัล นั่นคือประหยัด รวดเร็ว เข้าใจง่าย และสนุกสนานโดยลดการใช้กระดาษและใช้เครื่องมือทางดิจิทัลให้มากที่สุด
-
Community ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องตลอดเวลาตามจังหวะโอกาส (pace) ของแต่ละคน
Process กระบวนการในการฝึกอบรม เน้นปัจจัย 3 ประเภทคือ
-
Encouragement มีระบบติดตาม กระตุ้น สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ และเห็นคุณค่าคุณประโยชน์ของความรู้
-
Enjoyment สร้างบรรยากาศการฝึกอบรมที่สนุกสนานและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน-ผู้สอน และผู้เรียน-ผู้เรียน โดยใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ
-
Engagement ผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน และมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมรุ่นในเชิงลึกมากขึ้น
Output มุ่งหวังผลผลิตของการฝึกอบรม 3 ประการคือ
-
Ideation ผู้เรียนจะได้แนวความคิดที่เป็นประโยชน์หลายประการทั้งด้านโอกาสการลงทุนทางธุรกิจ ด้านการบริหาร และแนวคิดเพื่อสร้างสันติสุขของสังคม
-
Inspiration ผู้เรียนมีแรงบันดาลใจในการเริ่มธุรกิจใหม่ แนวทางการบริหารงานใหม่ๆ การขยายความรู้ และเสนอกฎกติกาสังคมใหม่ๆ
-
Innovation ผู้เรียนสามารถนำแนวคิดและแรงบันดาลใจไปสร้างนวัตกรรมได้ ทั้งนวัตกรรมทางความคิด สิ่งประดิษฐ์ กระบวนการ ทั้งการบริหารด้านธุรกิจ และสังคม
ใครคือผู้เข้ารับการฝึกอบรม
การเปลี่ยนแปลงที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงจากบนลงล่าง เปลี่ยนแปลงผู้นำก่อนผู้ตาม ดังนั้น หลักสูตรการบริหารงานตำรวจในยุตดิจิทัลจึงเหมาะสำหรับผู้นำองค์กร ผู้นำชุมชน ผู้นำของสังคมและประเทศชาติ เพื่อร่วมกันเรียนรู้และสังเคราะห์องค์ความรู้ ในหลากหลายมุมมอง ผู้เข้าอบรมหลักสูตรนี้จึงควรเป็น
-
ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรตำรวจ
-
ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ
-
ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจ หรือเจ้าของธุรกิจ
-
นักวิชาการ
-
นักการเมือง
-
สื่อมวลชน
-
ภาคประชาสังคม
-
ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง นักกีฬา
-
ผู้มีชื่อเสียงในสังคม
-
ผู้นำความคิดของสังคม
-
ผู้สนใจการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลทั่วไป
ทำไมต้องฝึกอบรม
-
เพื่อเรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม (disruptive change) ในยุคดิจิทัล
-
เพื่อทราบถึงโอกาสที่มาพร้อมกับอุปสรรคในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งภัยสังคมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
-
เพื่อสร้าง “เครือข่ายสังคมปลอดภัย” และผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้นแบบในยุคดิจิทัล
-
เพื่อตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล
วิชาที่ฝึกอบรม
เนื้อหาวิชาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มวิชา ได้แก่
1. Disruptive change and Mega-trends
-
Digital Trends and Game Changers
-
Media Disruption
-
Social Media Influence
-
FinTech and Cashless Society
-
Cryptocurrency and ICO
-
Blockchain Technology
-
Smart City
-
AI & Machine Learning
-
Big Data
2. Tools and Solutions in Digital Age
-
Digital Economy in Thailand
-
Creating Innovation in Thailand
-
Digital Transformation
-
Startup Business
-
Digital Marketing
3. Public Safety and Security
-
Cybersecurity
-
Cybercrime
-
Transnational Crime
-
Digital Forensic and Detective
-
Innovation for Public Safety and Security
-
Comparative Police Administration
-
Living in Digital Age
วิธีฝึกอบรม
-
บรรยาย (lecture)
-
สาธิต (demonstration)
-
อภิปราย (panel discussion)
-
อ่านบทความ (reading assignment)
-
ทดสอบท้ายบทเรียน (quiz)
-
รายงานทางวิชาการ (capstone project)
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆในสังคมยุคดิจิทัล
2. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้แนวคิดและแรงบันดาลใจในการสร้างความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในสังคมยุคดิจิทัล
3. มีวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในสังคมและอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่เหมาะสมกับบริบทในสังคมยุคดิจิทัล
4. องค์กรตำรวจมีภาพลักษณ์ดีขึ้น และได้รับความเชื่อมั่นเชื่อถือจากสังคมมากขึ้น
5. เกิดผู้นำการเปลี่ยนแปลง (change agent) และเครือข่ายสังคมปลอดภัย (Safe and Secure Society Network) ในสังคมยุคดิจิทัล
6. นโยบาย Thailand 4.0 ได้รับการตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
7. ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน(competitiveness)ในยุคดิจิทัลสูงขึ้น